-
Details
-
Category: Mazda Spirits

เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ (SKYACTIV Technology)
รถแรงและประหยัด มีอยู่แค่ในฝัน??
อาจไม่ใช่ทุกคน ที่เชื่อแบบนั้น...
ยังมีบางคนตั้งคำถามว่า ความหมายที่แท้จริงของรถยนต์คืออะไร?
คำตอบคือ รถที่คงความแรงและความสนุกในการขับขี่
วันนี้....มาสด้าทำให้ความหมายของรถยนต์มีคุณค่ามากขึ้น
“รถแรงที่ประหยัดน้ำมัน” ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อรอการพิสูจน์
เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ คือ Next-Generation Technology เทคโนโลยีของรถแรง ที่ดูแลง่าย และประหยัดในการใช้งานจริง เป็นครั้งแรกของโลก ที่รวม 5 นวัตกรรมใหม่ของรถเข้าไว้ด้วยกัน และทำงานเสริมกันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของรถทั้งคัน

เทคโนโลยียั่งยืนที่ทั่วโลกยอมรับ
ด้วยความที่เป็นเทคโนโลยีที่ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จึงได้รับรางวัลมากมายจากสถาบันยานยนต์ และสถาบันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั่วโลก
“The First Green Car Technology Award Winner” โดย Green Car Journal, U.S.A. ปี2013
“Best New Technology of the Year for 2012” โดย Le Guide de l’Auto, Canada
“Development of the gasoline engine which realized low fuel consumption equivalent to a Hybrid car” The Commendation of Science and Technology 2013 โดย the Minister of Education, Culture, Sports, Science and Technology: Prizes for Science and Technology
นิยามแห่งนวัตกรรมทางเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ SKYACTIV Technology จะทำให้รถมาสด้าขับสนุก และ ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
|
https://www.youtube.com/watch?v=dW-nlYQvXpY |
ความสุขในการขับรถ คือเป้าหมายหลักของวิศวกรมาสด้า เราจึงพัฒนาเทคโนโลยีสกายแอคทีฟขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของยานยนต์มาสด้ารุ่นใหม่ทั้งหมด
ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ เพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พร้อมความสนุกสนานในการขับขี่
ทั้งหมดนี้ ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ที่รวม 5 นวัตกรรมใหม่สำหรับรถทั้งคันไว้ด้วยกัน ตั้งแต่เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ โครงสร้างตัวถังและระบบช่วงล่าง ที่จะอยู่ในรถมาสด้า เจนเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งคุณสามารถสัมผัสด้วยตัวคุณเอง
|
https://www.youtube.com/watch?v=n4OHB2BjcPA |
https://www.youtube.com/watch?v=9dHZy4Y-jhU |
เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ
|
มาสด้าแนะนำเทคโนโลยีสกายแอคทีฟครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปี 2556 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะอยู่ในรถมาสด้าเจนเนอเรชั่นใหม่ทุกรุ่น มาสด้าเลือกที่จะเดินตามแนวคิด "กล้าที่จะต่าง" หรือ DEFY CONVENTION โดยมองลึกลงไปที่ข้อจำกัดของรถยนต์ในปัจจุบัน และศึกษาหาทางออกทางวิศวกรรมที่ช่วยให้ลบข้อจำกัดทางเทคนิคนั้นให้หมดไป เช่น ศึกษาหลักพลศาสตร์การขับขี่อย่างลึกซึ้ง เพื่อให้สามารถนำเรื่องของพลศาสตร์มาช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่รถ และช่วยให้ประหยัดการใช้น้ำมันยิ่งขึ้นได้ในเวลาเดียวกัน การพัฒนารถรุ่นใหม่ๆ ของมาสด้าจะให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการปรับปรุงเทคโนโลยียานยนต์อย่างต่อเนื่อง การปรับปรุงที่กล่าวถึงนี้หมายถึงเทคโนโลยีใหม่ของรถทั้งคัน ตั้งแต่เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ โครงสร้างตัวถัง ช่วงล่าง และระบบบังคับเลี้ยว |
 |
ที่มาของเครื่องยนต์สันดาปภายในอุดมคติที่มาสด้าสร้างขึ้น
|
 |
มาสด้าสร้างเส้นทางที่โดดเด่นของตนเองโดยชูพื้นฐานความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์อันยาวนานของการเป็นผู้ค้นคว้าวิจัยและพัฒนาเครื่องยนต์ มีคนตั้งคำถามว่า “ทำไมมาสด้าจึงไม่คิดที่จะตีจากเครื่องยนต์ไปสู่เทคโนโลยีอื่น?” นั่นเพราะจากการศึกษาเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ได้ถูกสร้างขึ้นและพัฒนามาเป็นเวลากว่า 120 ปีนั้น พบว่าเครื่องยนต์ประเภทนี้ยังคงมีข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ หรือพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า ยังคงมีการสูญเสียของพลังงานเชื้อเพลิงสูงถึง 70 - 90% เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ออกมา การสูญเสียพลังงานลักษณะนี้เป็นเรื่องปกติทางธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวกับการสูญเสียเรื่องอุณหภูมิความร้อน สามารถจำแนกได้เป็นความร้อนที่สูญเสียไปกับไอเสีย ไปกับระบบหล่อเย็น ผนังเครื่องยนต์ และห้องเกียร์ หากจะลดการสูญเสียเหล่านี้ก็ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเครื่องยนต์ให้ได้ หากจะให้ได้ผลดียิ่งขึ้นก็ควรลดความเสียดทานภายในเครื่องยนต์และลดน้ำหนักของเครื่องยนต์ลงด้วย จึงเป็นเหตุให้มาสด้าทำงานอย่างหนักเพื่อเอาชนะข้อจำกัดเดิมๆ ของเครื่องยนต์
6 ตัวแปรหลักที่สามารถควบคุมได้ด้วยหลักวิศวกรรม คือ
อัตราส่วนการอัด (Compression Ratio) อัตราส่วนอากาศต่อเชื้อเพลิง (Air-Fuel Ratio) ช่วงเวลาการเผาไหม้ (Combustion Period) จังหวะการเผาไหม้ (Combustion Timing) การสูญเสียจากการปั๊ม (Pumping Loss) การสูญเสียจากความเสียดทานเชิงกล (Mechanical Loss)
|
เป้าหมายคือการหาจุดหรือจังหวะที่เหมาะสมที่ทำให้ตัวแปรเหล่านี้ทำงานได้สมบูรณ์ที่สุด เพื่อก้าวไปสู่เครื่องยนต์สันดาปภายในในอุดมคติได้ ในท้ายที่สุดก็พบว่า อัตราส่วนการอัดเป็นตัวแปรที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับทั้งเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล

หนึ่งในจุดแข็งของมาสด้า คือ ศักยภาพด้านการจัดการการเปลี่ยนแปลง การจัดการเวลา และการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ เครื่องยนต์โรตารี่ที่ไม่เหมือนใครของมาสด้า ที่เป็นขุมพลังให้กับรถแข่ง มาสด้า 787B ในตำนานการแข่งเลอ มังส์ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์โรตารี่หนึ่งเดียวที่ชนะในรายการแข่งขันเลอ มังส์ เมื่อปี พ.ศ. 2534 อีกตัวอย่างหนึ่งคือ มาสด้า MX-5 ที่พลิกฟื้นตลาดของโรดสเตอร์ทั่วโลก เทคโนโลยีสกายแอคทีฟกำลังจะเป็นบันทึกเหตุการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยานยนต์ ที่แสดงให้เห็นว่า มาสด้ากำหนดแนวทางพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองอย่างไร สิ่งนี้ได้ถูกพัฒนาโดยใช้กระบวนการของมาสด้าที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว ยกตัวอย่าง เช่น เครื่องยนต์สกายแอคทีฟใหม่ มิได้ถูกพัฒนาโดยฝ่ายวิศวกรเครื่องยนต์เพียงฝ่ายเดียว แต่เริ่มจากทีมงานทั้งหมดที่เชี่ยวชาญในแต่ละองค์ประกอบของรถยนต์ รวมถึงฝ่ายออกแบบรถยนต์ด้วย เพื่อร่วมกันพัฒนาให้ได้เครื่องยนต์ต้นแบบที่ดีที่สุดขึ้นมาก่อนในเบื้องแรก แล้วใช้เครื่องต้นแบบนั้นเป็นพื้นฐานในการพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ทุกรุ่นที่จะผลิต โดยยังไม่คำนึงถึงข้อจำกัดเรื่องจำนวนกระบอกสูบหรือชนิดของเชื้อเพลิงทั้งสิ้น และทำให้มาสด้าได้พื้นฐานของเครื่องยนต์เจนเนอเรชั่นใหม่ที่ทีมวิศวกรแผนกอื่นๆ สามารถนำไปทำงานต่อและต่อยอดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เซอิตะ คาไน มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยกันใช้ความรู้ทางวิศวกรรมออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มากด้วยประสิทธิภาพ สมรรถนะ และคุณภาพดีที่สุดที่ไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้น เราจึงลองทุกอย่าง เช่น ลองทำให้กระบอกสูบใหญ่ขึ้น ลองให้เล็กลง ลองเพิ่มลองลดจำนวนกระบอกสูบ สี่สูบบ้าง หกสูบหรือสามสูบบ้าง ลองทุกๆ ความเป็นไปได้ เพื่อที่จะสร้างเครื่องยนต์ที่สามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลายในอนาคตขึ้นมา”
|
แทนที่จะลดขนาดเครื่องยนต์ มาสด้าเลือกเครื่องยนต์ขนาดเหมาะสมแต่ให้อัตราส่วนการอัดสูง
มีผู้ผลิตรถยนต์หลายรายที่พยายามปรับปรุงการประหยัดเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์เบนซินโดยเลือกที่จะลดขนาดของเครื่องยนต์ลง (Downsizing) แต่การลดขนาดก็เท่ากับลดกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ลงด้วย เพื่อรักษากำลังของเครื่องยนต์จึงต้องชดเชยด้วยการนำอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยใช้ตัวช่วยคือ เทอร์โบชาร์จเจอร์ และซูเปอร์ชาร์จเจอร์
ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีที่ผู้ผลิตรายอื่นเลือกแล้วคิดว่าได้ผล แต่มาสด้ากล้าที่จะเลือกใช้แนวทางอื่นที่ยากและท้าทายความสามารถมากกว่า ดังเช่นที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ การพัฒนาเครื่องยนต์ในอุดมคตินั้นเป็นหลักการสำคัญของยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนของมาสด้า สำหรับเครื่องยนต์เบนซินในอุดมคตินั้น ต้องทำให้อัตราส่วนการอัดเพิ่มสูงขึ้น ยิ่งสูงเครื่องยนต์ก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
|